เที่ยวกวางโจว เมืองกวางโจวมีที่มาอย่างไร ทำไมทุกคนถึงควรที่จะไปเยี่ยมเยียน สักครั้งในชีวิต

เที่ยวกวางโจว กวางโจวจัดว่าเป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นระดับต้นๆ ของประเทศจีน แต่ก่อนที่จะเป็นอย่างทุกวันนี้ เมืองกวางโจว มีประวัติมาอย่างยาวนาน เราอยากให้ทุกท่าน ร่วมย้อนรอยประวัติศาสตร์ ของเมืองกวางโจว ก่อนที่เราจะไปดูเรื่องอื่นๆกัน กวางโจว เป็นเมืองหลวง ของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ทางภาคใต้ของประเทศจีน และเมืองกวางโจว

ยังเป็นที่ตั้ง ของเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งชาติของจีนด้วย ซึ่งประวัติศาสตร์ ของเมืองกวางโจว ได้มีมาอย่างยาวนาน เดิมทีเมืองกวางโจว ในยุคก่อนราชวงศ์ฉิน มีชื่อเรียกว่า เมืองพานยวี๋ จนเมื่อถึงปีพ.ศ 769 ถึงได้เปลี่ยนชื่อ เป็นเมืองกวางโจว จนถึงปัจจุบัน 

ตั้งแต่ยุคสมัย ของราชวงศ์ฮั่น กวางโจวได้มีการ ติดต่อค้าขาย ไปยังประเทศต่างๆ ทำให้กวางโจว มีชื่อเสียง เป็นเมืองท่าอันดับต้นๆ ของโลกในเวลานั้น การค้าขายของกวางโจว ในยุคนั้นคึกคักเป็นอย่างมาก สินค้าจากประเทศจีน

ประเภท ผ้าไหม ใบชา ก็ถูกส่งออกไปขาย ให้นานาประเทศ ตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว และก็มีเรือ จากหลายๆประเทศ เดินทางเข้ามา ค้าขายสินค้า ในน่านน้ำของประเทศจีน โดยเรือทุกลำ ก็ต้องเข้ามาจอดที่เมืองท่า ชื่อดังแห่งกวางโจว

นับตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน กวางโจวจึงได้รับอิทธิพล จากนานาประเทศ ที่ทำการค้าขายด้วย ทำให้เมืองกวางโจว มีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ในปัจจุบัน และน่านน้ำแถบนี้ ยังเคยถูกขนานนามว่า เส้นทางสายไหมแห่งท้องทะเล

เที่ยวกวางโจว

เที่ยวกวางโจว ต้องเตรียมตัวอย่างไร? สำหรับการไปเที่ยวกวางโจว เมืองที่ไม่เคยหลับไหล

สำหรับเมืองกวางโจว แม้ตัวเมือง จะทำอยู่ทางทิศใต้ ของประเทศจีน แต่กวางโจ ก็มีสภาพอากาศ แบบอบอุ่นชื้น นั่นก็เพราะ เมืองกวางโจว ได้รับอิทธิพลมาจาก ลมมรสุมเอเชียตะวันออก เมืองกวางโจว ฤดูร้อนก็จะมีอุณหภูมิสูง และก็มีความชื้น ในอากาศสูง ส่วนฤดูหนาว อากาศจะค่อนข้างแห้งแล้งและเย็น ซึ่งกวางโจว ถ้าถึงหน้ามรสุม ก็จะมียาวนาน

ซึ่งโดยส่วนมาก จะเริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน จนถึงกันยายน แต่โดยรวมแล้ว กวางโจวก็ยังมีอุณหภูมิเฉลี่ย ที่ต่ำกว่าบ้านเราอย่างมาก อุณหภูมิเฉลี่ย ของเมืองกวางโจวนั้น จะอยู่ที่ 22.6 องศาเซลเซียส ซึ่งการไปท่องเที่ยว

เมืองกวางโจว ฤดูที่เหมาะสมที่สุด คงจะหนีไม่พ้นฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มตั้งแต่ เดือนตุลาคม จนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งช่วงนั้น สภาพอากาศของเมืองกวางโจว จะเย็นสบาย และมีลมพัดตลอด แต่โดยรวมแล้วเมืองกวางโจว ภูมิอากาศ จัดว่าดีมาก

เพราะฤดูหนาว ก็จะไม่หนาวจัดจนเกินไป และฤดูร้อน ก็จะไม่ร้อนจนเกินไป ทั้ง 4 ฤดูของเมืองกวางโจว ก็จะมีดอกไม้ผลิดอก ให้ได้ชมตลอดทั้งปี จนทำให้เมืองกวางโจว ได้รับสมญานามว่า “เมืองเห็นดอกไม้”

เที่ยวกวางโจว

อีกหนึ่งมหานครที่ไม่เคยหลับไหล ศูนย์กลางแห่งการค้าขาย และแหล่งช้อปปิ้งสุดฮิต

กวางโจวเป็นอีกหนึ่งเมือง ที่เป็นศูนย์กลาง ของการค้าขายในอดีต ถึงแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่กวางโจว ก็ยังคงสถานะ เป็นเมืองแห่งการค้าขายอยู่จน ณ ปัจจุบัน ด้วยการยกระดับ ของรัฐบาลจีน ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ กวางโจวจึงมีแหล่งช็อปปิ้ง ชื่อดังอยู่หลายจุด แต่ที่เห็นว่าจะฮิตสุดๆนั่นก็คือ ซั่งเซี่ยจิ่ว Walking Street ซึ่งในที่นี้ เราจะเรียกสั้นๆว่า Walking Street

แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิต ซึ่งมีทั้งขายส่งและขายปลีก เป็นพื้นที่ที่เป็นถนนเส้นยาว และมีห้าง ร้านรวงต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก มีซอยเล็กซอยน้อยเยอะแยะ ซึ่งถ้าใครนึกภาพไม่ออก มันก็จะเหมือนสำเพ็ง ของบ้านเรานั่นเอง Walking Street

นี้จะมีนักท่องเที่ยว จำนวนมหาศาล มาเดินเลือกซื้อ และจับจ่ายใช้สอยสินค้า จะมีทั้งคนที่ซื้อไปเป็นของฝาก และของใช้ส่วนตัว หรือคนที่ซื้อ เพื่อไปขายต่อ ก็ยังมีเช่นกัน และเหล่านักท่องเที่ยวในบ้านเรา ที่เปิดร้านค้าขายต่างๆ

ก็นิยมไปเช่นกัน โดยส่วนมาก เราเชื่อว่า สินค้าที่ขาย จะมาจากที่กวางโจวนี่เอง และถ้าเราได้ท่องเที่ยว จนถึงยามค่ำคืน เราก็จะได้เห็น ทิวทัศน์ความสวยงาม ของแสงไฟจากตึกสูงใหญ่ต่างๆ ซึ่งได้ประดับประดาไฟ กันอย่างสวยงาม ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เมืองกวางโจว ยังคงคึกคัก ถึงแม้จะตกกลางคืนแล้วก็ตาม

แคนตันทาวเวอร์ หอสูงตระหง่าน แห่งเมืองกวางโจว ที่โดดเด่นในยามกลางวัน และสว่างสดใส ในยามค่ำคืน

แคนตันทาวเวอร์ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ที่สำคัญ ของเมืองกวางโจว โดยถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ ของเมืองกวางโจว แต่ที่แคนตันทาวเวอร์ขึ้นชื่อ ไม่ใช่จากความสูง ของตัวอาคารอย่างเดียว แต่เป็นการออกแบบ ทางสถาปัตยกรรม ที่ทำให้มันโดดเด่น และเป็นที่น่าจับตามองมากกว่า หลักการออกแบบของตัวอาคาร ที่เป็นตึกรูปทรงเพียว และสูงขึ้นไป

มีเส้นสายลายตาข่าย ประดับอยู่รอบตัวอาคาร ช่วงกลางของตัวอาคาร จะคอดเล็กลงมา จากการออกแบบ ทำให้แคนตันทาวเวอร์ ได้รับสมญานาม น่ารักๆว่า “ซุปเปอร์โมเดล” นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ตัวทาวน์เว่อร์ภายใน

ก็ยังมีจุดชมวิว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่อยากชมทัศนียภาพ ของเมืองกวางโจว และแม่น้ำจูเจียง จุดชมวิวนั้น จะอยู่บนชั้นที่108 ซึ่งสามารถเห็นวิว เมืองกวางโจว ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และมีอีกหนึ่งความพิเศษ คือจุดชมวิว

ที่เป็นกระจกใส ยื่นออกไปนอกตัวอาคาร เพื่อจะได้เห็น วิวทิวทัศน์ 360 องศาเลยทีเดียว ซึ่งพื้นก็เป็นกระจกใส สำหรับใคร ที่กลัวความสูง ก็ไม่น่าจะเข้าไปชม ที่จุดนั้นได้ คงจะน่าหวาดเสียวน่าดู สำหรับใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น รีวิวประเทศจีน

ก็อย่าลืมแวะขึ้นไป ชมวิวด้านบน แคนตันทาวเวอร์กันครับ เกือบจะลืมอีกหนึ่งความสวยงาม ของแคนตันทาวเวอร์ นั่นก็คือ ตอนกลางคืน แคนตันทาวเวอร์ ได้ถูกประดับประดาไฟ รวมจุดชมวิวในจีน

ไว้ตามลายตะข่าย ที่ล้อมรอบตัวอาคาร ซึ่งมีการออกแบบ และดีไซน์ที่สวยมาก เมื่อถึงยามค่ำคืน ถ้าใครได้เห็น ก็อดที่จะถ่ายรูปไว้ไม่ได้ และนี่ก็คือ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญ สำหรับเมืองกวางโจว น้ำตกในจีน

หลีกหนีความวุ่นวายกลางใจเมือง รับชมธรรมชาติ สักการะเจ้าแม่กวนอิมบนภูเขาดอกบัว

ถัดมาจากกลางใจเมือง ไม่ไกลมากนัก เราจะได้พบกับ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ทางประวัติศาสตร์ อีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ ภูเขาดอกบัว เหลียนหัวซาน ซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีประวัติอันยาว นานโดยแรกเริ่มเดิมที ภูเขาลูกนี้ ได้ถูกทำเป็นเหมือง ที่เที่ยวจีน

ตั้งแต่ในยุค ราชวงศ์ฮั่น หรือประมาณ 2,000 ปีก่อน ต่อมาในราชวงศ์ชิง ภูเขาลูกนี้ ได้ถูกใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ ทางการทหาร มีการสร้างค่าย และป้อมปราการต่างๆ ซึ่งยังคงมีให้เห็น กันจนถึงทุกวันนี้ แต่ในทุกวันนี้ ได้มีการสร้างเจดีย์ 9 ชั้น จุดเด่นประเทศจีน

ที่มีความสวยงาม และเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ เพื่อให้นักท่องเที่ยว ได้เยี่ยมชมและสักการะ บรรยากาศภายใน เต็มไปด้วยต้นไม้ และสิ่งก่อสร้าง จากสมัยโบราณ ที่ยังหลงเหลือ ให้เราได้ชมเป็นบุญตา นี่ก็เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แห่งหนึ่งของกวางโจว ที่เหล่านักท่องเที่ยว ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

เที่ยวฮ่องกง

ข่าวไอที มือถือ